วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เวลา 09.00 น. นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ มอบหมายให้นายสัตวแพทย์โสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร HACCP สำหรับผู้ประกอบการอาหารสัตว์ โดยมีนายสัตวแพทย์รักไทย งามภักดิ์ ผู้อำนวยการกองควบคุมอาหารและยาสัตว์ กล่าวรายงาน พร้อมผู้เข้าร่วมอบรมรุ่นที่ 1 จำนวน 50 คน โดยมีการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด ในระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2564 ณ เดอะไพรเวซี่ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ได้รับการรับรอง SHA)
นายสัตวแพทย์โสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า การฝึกอบรมหลักสูตร HACCP เป็นการฝึกอบรมให้แก่บุคลากร ที่ประกอบการผลิตอาหารสัตว์ภาคเอกชนและเจ้าหน้าที่รัฐ ให้มีความรู้ความเข้าใจ ในการนำระบบ GHPs/HACCP ซึ่งเป็นระบบที่ปรับปรุงใหม่จากระบบ GMP/HACCP เดิมของ CODEX มาใช้ในการควบคุมการผลิตอาหารสัตว์ ให้ได้คุณภาพและมีความปลอดภัยตรงตามความต้องการของประเทศคู่ค้าและผู้ใช้สินค้าอาหารสัตว์ ดังนั้น ทั้งภาครัฐและเอกชน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาขีดความรู้ความสามารถ เพื่อนำไปปฏิบัติให้เกิดผลสอดคล้องกับนโยบายของกรมปศุสัตว์ ที่ต้องการให้เกิดความปลอดภัยตลอดห่วงโซ่อาหารรวมถึงอาหารสัตว์ สามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคภายในประเทศ ตลอดจนประเทศคู่ค้าที่ซื้ออาหารสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ให้ได้รับสินค้าที่ปลอดภัย เป็นการส่งเสริมให้ผู้ผลิตอาหารและอาหารสัตว์ของไทย สามารถส่งออกเพื่อนำรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 6 หมื่นล้านบาท โครงการฝึกอบรมดังกล่าว มาจากการที่กรมปศุสัตว์ได้เล็งเห็นความสำคัญของผู้ประกอบการจะสามารถนำระบบ HACCP ไปใช้ในโรงงานผลิตอาหารสัตว์ เป็นการยกระดับมาตรฐานคุณภาพอาหารสัตว์ให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล และทำให้ปลอดภัย ทั้งระบบการผลิตอาหารสัตว์ สามารถลดอันตรายที่อาจปนเปื้อนในอาหารสัตว์ ทั้งทางด้านกายภาพ เคมี และชีวภาพ โดยเฉพาะโรคระบาดสัตว์ ได้แก่ โรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีก และโรคอหิวาห์แอฟริกาในสุกร รวมถึงการตกค้างของสารเคมีทางการเกษตร ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของห่วงโซ่อาหารและอาหารสัตว์ ทำให้อาหารสัตว์ของไทยเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ ตรงตามวัตถุประสงค์ของการจัดฝึกอบรมครั้งนี้
"กรมปศุสัตว์เล็งเห็นความสำคัญและความจำเป็นที่จะต้องมีการนำระบบ Hazard Analysis and Critical Control Point (HACCP) เพื่อควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นระบบประกันคุณภาพที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหาร โดยได้นำมาพัฒนาใช้กับอุตสาหกรรมสัตว์เป็นครั้งแรก แต่ปัญหาที่พบคือ บุคลากรหรือเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถด้าน HACCP ไม่เพียงพอกับปริมาณโรงงานอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ในประเทศ รวมถึงผู้ประกอบการส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมยังขาดความเข้าใจและยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะนำระบบ HACCP มาใช้ในกระบวนการผลิต ดังนั้น การส่งเสริมบุคลากรทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนให้มีความรู้ ความสามารถในเรื่องระบบ HACCP อย่างแท้จริง จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ อันจะเป็นการเตรียมความพร้อมกับการที่ประเทศคู่ค้าอาจจะมีข้อบังคับให้ผู้ส่งออกอุตสาหกรรมอาหารสัตว์นำระบบ HACCP มาใช้ในกระบวนการผลิต” รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าว
ภาพ ฉัตรชัย นวลปลอด / ข่าว วรรณกร ชัยรัตน์ เผยแพร่ฯ สลก.
ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาข้อกำหนดสุขภาพสัตว์บกขององค์การสุขภาพสัตว์โลก ครั้งที่ 63-4/2564
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์เปิดตัวนำร่องการใช้งานระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบการนำเข้า-ส่งออก ด้านอาหารสัตว์และวัตถุอันตรายด้านการปศุสัตว์ โดยบริการทุกขั้นตอนเบ็ดเสร็จเชื่อมโยงหนึ่งเดียว ลดความซ้ำซ้อน ลดขั้นตอน และระยะเวลาในการให้บริการ ทุกอย่างทำได้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่การยื่นคำขออนุญาต การตรวจสอบผ่านระบบอัติโนมัติ (Automated service) การจ่ายเงิน (e-Payment) การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) ใบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ (e-License) ภายใน 1 วันทำการ ทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางมารับบริการด้วยตัวเอง ลดการใช้กระดาษ (Paperless) ตลอดจนสร้างความโปร่งใสตรวจสอบได้ สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ 4.0
กรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานภาครัฐ 4.0 ที่มุ่งอำนวยความสะดวกและให้บริการแก่ประชาชนตลอดมา ได้ประยุกต์นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่มาปรับปรุงและพัฒนากระบวนงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยพัฒนาและปรับปรุงระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้บริการด้านทะเบียนใบอนุญาตอาหารสัตว์และวัตถุอันตรายด้านการปศุสัตว์ มาตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งรองรับงานบริการด้านการอนุญาตนำเข้า-ส่งออก การผลิต การขาย การออกหนังสือรับรอง Health Certificate ของอาหารสัตว์และวัตถุอันตรายด้านการปศุสัตว์ ต่อมาได้มีการพัฒนาการชำระเงินผ่านระบบ e-Payment และได้เชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศุลกากร และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เป็นต้น โดยล่าสุดในปี 2564 ได้มีการพัฒนาระบบการตรวจสอบอัตโนมัติ (Automated service) เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร อีกทั้งยังมีระบบการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) ซึ่งเป็นการบริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึงบริการของภาครัฐได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว รองรับการดำเนินชีวิตวิถีถัดไป (Next normal) และการขยายตลาดด้านอาหารสัตว์ในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากประชาชนมีการใช้บริการต่างๆ ผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบย้อนกลับ ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์และวัตถุอันตรายด้านการปศุสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคและประเทศคู่ค้า ซึ่งปัจจุบันการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารปศุสัตว์ไปยังต่างประเทศมีมูลค่ารวมปีละมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยมีการเปิดการใช้งานอย่างเป็นทางการของระบบทะเบียนใบอนุญาตอาหารสัตว์ และวัตถุอันตรายด้านการปศุสัตว์พร้อมกับการฝึกอบรมการลงลายมือชื่อในระบบอิเล็กทรอนิกส์และออกใบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ ในวันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 เวลา 9.00 น. ณ โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส กรุงเทพมหานคร โดยมีนายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธาน นายสัตวแพทย์โสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ผู้บริหารสำนัก/กอง เข้าร่วมพิธีเปิด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ปศุสัตว์เขต ปศุสัตว์จังหวัด และด่านกักกันสัตว์ทั่วประเทศ เข้าร่วมผ่านระบบการประชุมทางไกล (Virtual meeting) รวมทั้งสิ้น 130 คน ซึ่งอธิบดีกรมปศุสัตว์ได้ให้เกียรติลงลายมือชื่อในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) ใบอนุญาตขายอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะฉบับแรก
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การบริการทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ด้านอาหารสัตว์และวัตถุอันตรายด้านการปศุสัตว์รูปแบบใหม่เป็นการให้บริการเบ็ดเสร็จเชื่อมโยงในหนึ่งเดียว เป็นช่องทางการให้บริการมิติใหม่แบบไร้พรมแดน ซึ่งปัจจุบันมีการใช้บริการแล้วมากกว่า 100,000 ครั้งต่อปี และเมื่อเปิดใช้งานระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์แบบเต็มรูปแบบ จะสามารถตรวจสอบและอนุมัติได้ทันทีเมื่อเอกสารถูกต้องครบถ้วน ภายใน 1 วันทำการ และผู้ประกอบการสามารถดาวน์โหลดใบอนุญาตเพื่อนำไปใช้งานได้ โดยไม่ต้องเดินทางมารับเอกสารด้วยตนเอง ลดความซ้ำซ้อนในกระบวนการ ลดขั้นตอน ลดระยะเวลา ลดการใช้กระดาษ และสามารถอำนวยความสะดวกในการนำเข้า-ส่งออกด้านอาหารสัตว์และวัตถุอันตรายด้านการปศุสัตว์แก่ผู้มารับบริการได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้สะดวกและพึงพอใจทั้งผู้ให้และผู้รับบริการด้วย รายละเอียดเพิ่มเติม
*****************************************
ข้อมูล/ข่าว : กองควบคุมอาหารและยาสัตว์ กรมปศุสัตว์
เรียบเรียงข่าว พิจารณา สามนจิตติ / ภาพ ฉัตรชัย นวลปลอด เผยแพร่ฯ สลก.