จากการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐบาล และโรดแม็ป (Road Map) ภาคการเกษตรอย่างต่อเนื่อง ทั้งแผนปรับโครงสร้างและพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตร แผนเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ ดิน และที่ดิน และแผนแก้ไขปัญหาเกษตรกรอย่างยั่งยืน เพื่อดูแลเกษตรกรให้มีรายได้ที่เหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ซึ่งขณะนี้มีหลายโครงการฯที่มีความรุดหน้าไปมาก นอกจากจะช่วยยกระดับรายได้ของเกษตรกรแล้ว ยังสามารถช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรด้วย

        นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงความก้าวหน้าการดำเนินงานภายใต้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า สำหรับโครงการเพิ่มรายได้เพื่อช่วยเหลือชาวนา มีเป้าหมายจ่ายเงินให้เกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ ขณะนี้ได้จ่ายเงินให้เกษตรกรไปแล้ว 3.562 ล้านครัวเรือน คิดเป็น 96.01 % จากที่ขึ้นทะเบียนไว้ 3.71 ล้านครัวเรือน วงเงินรวม 38,837.07 ล้านบาท ส่วนที่เหลือมีปัญหาเรื่องเอกสารหลักฐานไม่ถูกต้อง อาทิ หลักฐานการครอบครองที่ดิน ซึ่งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ร่วมกับ ธ.ก.ส.เร่งตรวจสอบเพื่อจะได้ให้การช่วยเหลือเกษตรกรโดยเร็ว 

        จากการประเมินความพึงพอใจเบื้องต้น พบว่า เกษตรกร 55 % มีความพึงพอใจระดับมากในการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรฯ ขณะที่เกษตรกร 36 % มีความพึงพอใจปานกลาง และ 9 % มีความพึงใจน้อย ทั้งยังพบว่า เกษตรกรที่ได้รับเงินช่วยเหลือจะเก็บเงินไว้ลงทุนในฤดูกาลผลิตถัดไป คิดเป็น 49 % และเกษตรกร 38 % นำเงินไปใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง ที่เหลือจะนำเงินที่ได้รับไปชำระหนี้ เก็บออม และลงทุนอย่างอื่น   

       โครงการชดเชยรายได้ให้ชาวสวนยาง มีเป้าหมายจ่ายเงินชดเชยให้เกษตรกรในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ ไร่ละ 1,000 บาท ครอบครัวละไม่เกิน 15 ไร่ ปัจจุบันได้จ่ายให้เงินให้เกษตรกรแล้ว 756,743 ครัวเรือน วงเงิน 7,592.08 ล้านบาท คิดเป็น 84.11 % จากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้ 899,681 ครัวเรือน ยังมีปัญหาบางส่วนที่เข้าทำกินในที่ดินของรัฐและไม่มีเอกสารสิทธิ์ ซึ่งอยู่ระหว่างหามาตรการช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม จากการประเมินปรากฎว่า เกษตรกร 23 % มีความพึงพอใจระดับมาก  เกษตรกร 54 % มีความพึงพอใจปานกลาง และ 23 % มีความพึงพอใจระดับน้อย โดยเกษตรกรกว่า 40 % จะเก็บเงินที่ได้รับไว้ลงทุนในฤดูถัดไป ขณะที่ 34 % จะนำเงินไปใช้จ่ายโดยตรง ที่เหลือจะนำไปใช้หนี้และเก็บออม 

        ส่วนโครงการสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพเสริม มีเป้าหมาย 100,000 ครัวเรือนๆ ละไม่เกิน 100,000 บาท วงเงิน 10,000 ล้านบาท ขณะนี้ ธ.ก.ส.ได้อนุมัติแล้ว 12,775 ครัวเรือน วงเงิน 1,186.32 ล้านบาท หรือประมาณ 12 % จากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 111,210 ครัวเรือนใน 62 จังหวัด นอกจากนั้น ยังได้ดำเนินโครงการจ้างแรงงานเกษตรกรในงานชลประทาน (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2557) มีเป้าหมายจ้างแรงงานเกษตรกร 44,388 ราย เพื่อให้มีรายได้ และช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากการไม่สามารถทำการเกษตรได้จากปัญหาภัยแล้ง ขณะนี้ได้ดำเนินการจ้างงานแล้ว 37,569 ราย อยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 31,356 ราย และลุ่มน้ำแม่กลอง 6,213 ราย คิดเป็น 84.6 % 

ขณะเดียวกันยังเร่งรัดการลงทุนภาครัฐ โดยได้ดำเนินโครงการใช้จ่ายงบลงทุน (งานก่อสร้าง) ของกรมชลประทาน โดยมีงบลงทุนวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท จำนวน 6,922 รายการ วงเงิน 35,061.71 ล้านบาท ปัจจุบันดำเนินการแล้ว 6,732 รายการ วงเงิน 34,215.88 ล้านบาท คิดเป็น 80 % ส่วนงบลงทุนวงเงินเกิน 500 ล้านบาท มี 2 รายการ วงเงิน 567.75 ล้านบาท อยู่ระหว่างเตรียมลงนามสัญญาในเดือนมีนาคมนี้ จำนวน 2 รายการ วงเงิน 567.75 ล้านบาท

        สำหรับโครงการใช้จ่ายงบลงทุน (งานก่อสร้าง) ของกรมพัฒนาที่ดิน มีเป้าหมายงบลงทุนวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท จำนวน 16 รายการ ซึ่งดำเนินการจัดจ้างครบแล้ว วงเงิน 286.44 ล้านบาท ส่วนงบลงทุนวงเงินเกิน 500 ล้านบาท มี 2 รายการ วงเงิน 1,589.44 ล้านบาท ดำเนินการจัดจ้างแล้ว 1 รายการ วงเงิน 1,565.20 ล้านบาท  และมีโครงการขุดบ่อน้ำในไร่นา เป้าหมาย 50,000 บ่อ ได้โอนเงินให้ท้องถิ่นดำเนินการขุดเสร็จแล้ว 16,480 บ่อ เบิกจ่ายแล้ว 204 ล้านบาท

        นอกจากนี้ ยังมีมาตรการทางอ้อม 2 มาตรการ ได้แก่ โครงการปลูกพืชฤดูแล้ง เป้าหมายรวม 9.11 ล้านไร่ (ในเขตชลประทาน 3.06 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 6.05 ล้านไร่) ปัจจุบันเกษตรกรได้มีการปลูกพืชฤดูแล้งไปแล้วกว่า 10.88 ล้านไร่ แยกเป็นในเขตชลประทาน 5.61 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 5.27 ล้านไร่  และโครงการช่วยเหลือพื้นที่แล้งซ้ำซาก มีเป้าหมายช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะในเขื่อนน้อยให้มีรายได้ทดแทนรายได้จากการเกษตร ขณะนี้ได้ฝึกอบรมและสนับสนุนปัจจัยการผลิตเพื่อส่งเสริมอาชีพด้านการประมง โดยมี 2 กิจกรรม คือ การเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติกและการเลี้ยงกบในกระชัง เกษตรกร 3,574 ราย ในพื้นที่ 18 จังหวัด เป็นเงิน 8,603,300 บาท ซึ่งได้ดำเนินการแล้วในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา และเพชรบุรี จำนวน 408 ราย เป็นเงิน 811,400 บาท รวมเงินงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใช้จ่ายแล้ว 84,470 ล้านบาท

     สุดท้ายเป็นโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง โดยให้ชุมชนออกแบบโครงการเอง เพื่อจะได้มีงานทำและมีรายได้ในช่วงฤดูแล้ง พื้นที่เป้าหมาย 3,052 ตำบลๆ ละ 1 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของชุมชน จ้างแรงงาน และสนับสนุนความต้องการของชุมชนผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม ซึ่งได้มีการเสนอโครงการมาจากระดับตำบลกว่า 1,500 ตำบล ผลการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารโครงการฯระดับกระทรวง ได้เห็นชอบโครงการแล้ว 226 โครงการ ในพื้นที่ 138 ตำบล 24 จังหวัด วงเงิน 106.353 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า ทั้ง 3,052 ตำบล จะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเมษายน 2558 จากนั้นก็จะจ่ายเงินลงสู่พื้นที่ให้ชุมชนดำเนินการบริหารจัดการพัฒนาการเกษตรตามเป้าหมายต่อไป     อ่านรายละเอียด