S 28622887

"อธิบดีกรมปศุสัตว์" เผยสถานการณ์โรคคอบวมในโค-กระบือ อยู่ในระดับควบคุมได้ แนะฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่อายุตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่เกิดการระบาดของโรคเฮโมรายิกเซพติกซีเมีย หรือโรคคอบวม ที่จ.มหาสารคาม และจ.ขอนแก่น ซึ่งส่งผลให้มีโค กระบือ ป่วยตายหลายตัวนั้น เมื่อวันที่ 29 -31 ก.ค. ที่ผ่านมา กรมปศุสัตว์ ได้มอบหมายให้นายสัตวแพทย์ธนวัฒน์ พันธุ์สนิท ผู้อำนวยการสำนักควบคุม ป้องกัน และบำบัดโรคสัตว์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และเร่งดำเนินการควบคุมโรคเฮโมรายิกเซพติกซีเมีย หรือโรคคอบวมในโค กระบือ

กรมปศุสัตว์ขอสรุปสถานการณ์ ณ วันที่ 31 ก.ค.ดังนี้ พื้นที่พบโรค คือ จังหวัดมหาสารคาม เกิดขึ้นกับเกษตรกร 8 ราย สัตว์ป่วย 40 ตัว สัตว์ตาย 29 ตัว จังหวัดขอนแก่น เกษตรกร 3 ราย สัตว์ป่วย 7 ตัว สัตว์ตาย 3 ตัว จังหวัดอุดรธานี เกษตรกร 1 ราย สัตว์ป่วย 4 ตัว สัตว์ตาย 2 ตัว รวม 3 จังหวัด เกษตรกร 13 สัตว์ป่วย 51 ตัว ตาย 34 ตัว ดังนั้น กรมปศุสัตว์จึงได้ดำเนินการ

การควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ โดยประกาศเขตควบคุมโรคระบาด มีการตั้งด่านกักกัน/จุดสกัด รอบพื้นที่เกิดโรค นอกจากนี้ ยังดำเนินการฉีดวัคซีนรอบพื้นที่เกิดโรค Ring Vaccination ให้กับสัตว์จำนวน 9,676 ตัว และฉีดวัคซีนแบบปูพรมในพื้นที่ข้างเคียง mass vaccination รวม 67,565 ตัว พร้อมทั้งจัดทีมสัตวแพทย์รักษาพยาบาลสัตว์ป่วย ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรทุกราย สัตว์ป่วยได้รับการรักษาทุกตัว ทุกวัน ดำเนินการสนับสนุนเสบียงอาหารสัตว์ให้แก่เกษตรกรเจ้าของสัตว์ในจุดควบคุมโรค ในระหว่างสัตว์ได้รับการกักกัน และ หรือ ในระหว่างการรักษาพยาบาล มีการประเมินสถานการณ์ Prognosis

อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า การระบาดของโรค เกิดเป็นจุดเล็กๆ เป็นผลมาจากระบบการเฝ้าระวังโรค surveillance ที่มีประสิทธิภาพ การรับแจ้งโรคที่เร็ว ควบคุมโรคตามมาตรการที่กรมปศุสัตว์กำหนดทันที Rapid response operation สถานการณ์โรคเข้าสู่ภาวะปรกติแล้ว นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ได้จัดระบบเฝ้าระวังโรคอย่างเคร่งครัด ต่อเนื่อง ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่พบโรคคือ วันที่ 15 ก.ค. 2563 จนถึงระยะเวลาที่สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะปรกติ ในระดับที่ควบคุมได้นั้น รวมระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์

ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายจากโรคคอบวม กรมปศุสัตว์ จึงขอความร่วมมือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้กับกระบือ และโคที่มีอายุตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป โดยวัคซีนดังกล่าวสามารถคุ้มโรคได้นานถึง 1 ปี รวมทั้งสังเกตอาการโค กระบือ ของตนเอง หากพบสัตว์แสดงอาการป่วยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอ หรือปศุสัตว์จังหวัด หรือแจ้งสายด่วนกรมปศุสัตว์ที่ 063-2256888 หรือ แอพพลิเคชั่น DLD 4.0 โดยทันที เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เร่งดำเนินการให้การช่วยเหลืออย่างทันท่วงที และขอย้ำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์เข้าใจว่าโรคเฮโมรายิกเซพติกซีเมีย เป็นโรคที่เกิดในโค กระบือเท่านั้น สัตว์ชนิดอื่นรวมทั้งคนไม่เป็นโรคดังกล่าว

ที่มาของข้อมูล : ทีมโฆษกกรมปศุสัตว์ (1 ส.ค. 2563) ข่าวปศุสัตว์


Save
Cookies user preferences
We use cookies to ensure you to get the best experience on our website. If you decline the use of cookies, this website may not function as expected.
Accept all
Decline all
Essential
คุกกี้ประเภทนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานของเว็บไซต์ ท่านจำเป็นต้องยอมรับให้เปิดใช้งาน
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานของเว็บไซต์ ได้แก่ คุกกี้ที่ทำให้เว็บไซต์สามารถทำหน้าที่ขั้นพื้นฐาน เช่น การเลื่อนสำรวจหน้าเว็บไซต์ หรือ ทำให้ผู้เข้าชม/ผู้ใช้เว็บไซต์สามารถเข้าสู่ระบบและสามารถเข้าถึงส่วนของเว็บไซต์ที่ถูกสงวนไว้ให้ใช้ได้เฉพาะสมาชิกเท่านั้น เว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานอย่างถูกต้องได้เลยหากไม่มีการเก็บรวบรวมคุกกี้เหล่านี้
Accept
Functional
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยยอมรับหรือปฏิเสธ คุกกี้ในแต่ละประเภทดังต่อไปนี้
คุกกี้ที่ช่วยเหลือในการทำงาน
คุกกี้ประเภทนี้ อาจถูกติดตั้งไว้โดยผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลที่สาม โดยเป็นคุกกี้ประเภทที่ทำให้เว็บไซต์สามารถช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกในการใช้งานให้ท่านได้
Accept
Decline
คุกกี้เพื่อประสิทธิภาพ
คุกกี้ประเภทนี้ ทำให้ผู้ให้บริการเว็บไซต์ที่คุณเข้าใช้งาน สามารถรับรู้ข้อมูลประสิทธิภาพเว็บไซต์ได้ เช่น จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ จำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ แหล่งที่มาของผู้เข้าชม และหน้าเว็บไซต์ใดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดหรือน้อยที่สุด เป็นต้น โดยกรมปศุสัตว์จะนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านสถิติเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ เท่านั้น
Accept
Decline
คุกกี้เพื่อกำหนดเป้าหมาย
คุกกี้ประเภทนี้ อาจถูกติดตั้งไว้โดยผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลที่สาม เนื่องจากเว็บไซต์กรมปศุสัตว์มีการเชื่อมโยงลิงค์ไปยังเว็บไซต์ภายนอก ซึ่งเว็บไซต์อื่นหรือโซเชียลมีเดียของบุคคลที่สามจะมีการกำหนดและตั้งค่าคุกกี้ขึ้นมาเอง โดยกรมปศุสัตว์ไม่สามารถควบคุมหรือรับผิดชอบต่อคุกกี้เหล่านั้นได้ และขอแนะนำให้ท่านควรอ่านนโยบายหรือประกาศการใช้คุกกี้ของบุคคลภายนอกเหล่านั้นด้วย โดยคุกกี้ดังกล่าว จะทำการจัดเก็บข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์ของท่าน เช่น ท่านเข้าชมเว็บไซต์ใดบ้าง และเข้าชมเว็บไซต์ผ่านทางลิงก์ใดบ้าง เป็นต้น โดยผู้ให้บริการจะใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อกำหนดให้เว็บไซต์ และโฆษณาที่ถูกจัดแสดงในเว็บไซต์ของบริษัทฯ เว็บไซต์ในเครือข่ายพันธมิตรของผู้ให้บริการโฆษณา มีความเกี่ยวข้องกับความสนใจของท่านมากขึ้น
Accept
Decline