นายสัตวแพทย์ สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยข้อมูลว่า จากการอภิปรายนายกรัฐมนตรีในกรณีปัญหาเรื่องราคาหมูแพงจากการปกปิดข้อมูลสถานการณ์การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) นั้น กรมปศุสัตว์ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง ย้ำชัดไม่เคยปกปิดข้อมูล โปร่งใสตรวจสอบได้ มีการเฝ้าระวังการเกิดโรค ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมรับมือโรคนี้มาโดยตลอดตั้งแต่มีการระบาดในสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบ ทั้งด้านแผนมาตรการป้องกันและควบคุม การเสนอเป็นวาระแห่งชาติ การควบคุมการเคลื่อนย้าย การสร้างเครือข่ายและให้ความรู้แก่เกษตรกรและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรระหว่างประเทศ การเตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการ และการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ เมื่อพบรายงานการเกิดโรคในประเทศไทยทำให้สามารถรับมือควบคุมสถานการณ์ในวงจำกัดได้ทันที จนได้รับการยอมรับมีระบบการควบคุมโรค ASF ดีที่สุดในอาเซียน ประเทศฟิลิปปินส์มาขอศึกษาดูงานเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในประเทศ สำหรับกรณีราคาหมูแพงนั้นเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ต้นทุนด้านอาหารสัตว์ ค่าน้ำมันในการขนส่ง และค่าโลจิสติกส์ต่างๆ และสำหรับเนื้อหมูที่จำหน่ายในโครงการ อตก. มาจากโรงฆ่ามาตรฐานเพื่อการส่งออกและปศุสัตว์ ok มั่นใจไม่มี ASF แน่นอน
โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรพบการระบาดครั้งแรกที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2561 กรมปศุสัตว์ได้มีการดำเนินการเตรียมความพร้อมรับมือต่อโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง โดยสั่งการปศุสัตว์จังหวัดทุกจังหวัดดำเนินการเฝ้าระวังโรคในพื้นที่อย่างเข้มงวด พร้อมจัดตั้งการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังและควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (War room) ในระดับจังหวัด ประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิตสุกรทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา องค์กรวิชาชีพที่เกี่ยวข้องและองค์กรระหว่างประเทศ ทางด้านสุขภาพสัตว์และความมั่นคงด้านอาหาร เช่น องค์การสุขภาพสัตว์โลก (WOAH) องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เป็นต้น ได้ร่วมประชุมและกำหนดแผนเตรียมความพร้อมรับมือโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรของประเทศไทย พร้อมทั้งมีการซ้อมแผนเตรียมความพร้อมรับมือโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในทุกพื้นที่ปสุสัตว์เขตทั่วประเทศ โดยเป็นการให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ในระดับพื้นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร/รับทราบแนวทางปฏิบัติในการป้องกันโรค และได้ดำเนินการจัดทำแผนเตรียมความพร้อมเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (contingency plan) และแนวทางเวชปฏิบัติของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (Clinical Practice Guideline) อีกทั้งได้มีการเฝ้าระวังโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรทั้งทางอาการ และทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นผลลบต่อโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรทั้งหมด แต่ตรวจทางห้องปฏิบัติการให้ผลบวกต่อโรคระบาดในสุกรชนิดอื่นๆ จนถึงช่วงเดือนมกราคม 2565 มีการพบสุกรป่วยตายผิดปกติมากขึ้น กรมปศุสัตว์ไม่ได้นิ่งนอนใจกับสถานการณ์ดังกล่าวจึงได้สั่งการให้จัดชุดเฉพาะกิจลงตรวจสอบสภาวะโรคในพื้นที่เสี่ยง สุ่มตรวจสอบเพิ่มเติมโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสุกรหนาแน่น จนวันที่ 10 มกราคม 2565 กรมปศุสัตว์ได้ประกาศการพบโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในประเทศไทย จากผลตรวจทางห้องปฏิบัติการให้ผลบวกต่อเชื้อ ASF จำนวน 1 ตัวอย่างจากตัวอย่างพื้นผิวสัมผัสบริเวณโรงฆ่าสัตว์แห่งหนึ่งที่มาจากจังหวัดนครปฐม จึงได้สั่งการให้ชุดเฉพาะกิจได้ลงพื้นที่เข้าสอบสวนโรคทางระบาดวิทยาถึงแหล่งที่มาของสุกรและสาเหตุเพื่อควบคุมโรคโดยเร็วต่อไป เพื่อลดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด ซึ่งจากการดำเนินการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด ทำให้ปัจจุบันสามารถควบคุมโรคได้อยู่ในวงพื้นที่จำกัดแล้ว และเพื่อเป็นการทำงานเชิงรุกเนื่องจากโรคนี้ไม่มีวัคซีนในการป้องกันจึงได้ศึกษาถึงการผลิตวัคซีนป้องกันโรค ASF เพื่อนำมาเป็นต้นแบบนำมาขยายผลต่อไป
สำหรับเรื่องการจำหน่ายเนื้อหมูจากโครงการ “เกษตรช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ” เมื่อวันที่ 12 - 19 กุมภาพันธ์ 2565 นั้นเป็นเนื้อหมูที่มาจากโรงงานมาตรฐานได้รับการรับรองเป็นโรงงานเพื่อการส่งออกและได้เข้าร่วมโครงการปศุสัตว์ OK กับกรมปศุสัตว์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตรวจโรคสัตว์ของกรมปศุสัตว์ไปกำกับดูแลการผลิตเนื้อสุกรตลอดการผลิต มีการควบคุมป้องกันโรค ASF อย่างเคร่งครัด โดยฟาร์มและโรงงาน มีการตรวจสุขภาพสุกร การสุ่มเก็บตัวอย่างก่อนการเคลื่อนย้ายสุกรเข้าโรงฆ่า เฉพาะสุกรสุขภาพดีเท่านั้นเข้าฆ่าเพื่อจำหน่าย และผ่านการตรวจวิเคราะห์หาเชื้อ ASF ตามหลักวิชาการและไม่พบการปนเปื้อนเชื้อ ASF และการที่ผู้ประกอบการสามารถนำเนื้อสุกรจำหน่ายได้ในราคากิโลกรัมละ 140 บาทนั้น เนื่องจากเป็นเนื้อสุกรที่ผลิตและเก็บไว้ใน stock ก่อนเดือนกุมภาพันธ์ 2565 จึงมีราคาต้นทุนสุกรมีชีวิตต่ำกว่าท้องตลาดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565
อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการลดความเสียหายและป้องกันโรคได้ดีที่สุดนั้นคือ การพัฒนานาปรับปรุงทำระบบความปลอดภัยทางชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสุกร จึงขอให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรควรมีความเข้มงวดในเรื่องระบบความปลอดภัยทางชีวภาพของฟาร์มสุกร และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรภายในฟาร์มสุกร เช่น การห้ามบุคคลภายนอกเข้าฟาร์ม การฆ่าเชื้อก่อนเข้าฟาร์ม การห้ามนำเศษอาหารมาเลี้ยงสุกร การฆ่าเชื้อในฟาร์มอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น ทั้งนี้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถหาได้ที่ www.dld.go.th หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225 -6888 หรือ application DLD 4.0 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ข้อมูล : คณะทำงานโฆษก กรมปศุสัตว์