กรมปศุสัตว์ เข้าร่วมพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญประจำปี พ.ศ. 2567
วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม 2567 เวลา 08.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต มายังพลับพลาที่ประทับเพื่อเป็นองค์ประธานในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปีพุทธศักราช 2567 โดยมีนายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เข้าร่วมพระราชพิธีฯ ในฐานะผู้อัญเชิญเครื่องอิสริยยศ พร้อมด้วย นายสัตวแพทย์โสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายสัตวแพทย์ประภาส ภิญโญชีพ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายพงษ์พันธ์ ธรรมมา รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายสัตวแพทย์บุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่ที่กรมปศุสัตว์เข้าร่วมในพิธีในครั้งนี้
กรมปศุสัตว์ ได้ทำการคัดเลือกพระโค เพื่อใช้ในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ 2 คู่ เป็นพระโคแรกนาขวัญ 1 คู่ คือ พระโคพอ มีความสูง 165 เซนติเมตร ความยาวลำตัว 226 เซนติเมตร ความสมบูรณ์รอบอก 214 เซนติเมตร อายุ 12 ปี พระโคเพียง มีความสูง 169 เซนติเมตร ความยาวลำตัว 239 เซนติเมตร ความสมบูรณ์รอบอก 210 เซนติเมตร อายุ 12 ปี พระโคสำรอง 1 คู่ คือ พระโคเพิ่ม และพระโคพูล ซึ่งเป็นพระโคพันธุ์ขาวลำพูน มีสีผิวขาวอมชมพู ขนสีขาวสะอาด ทั้งลำตัวไม่มีจุดด่างดำ หรือสีอื่นบนลำตัว เขามีสีขาว ลำตัวเป็นลำเทียน เขาทั้งสองข้างมีลักษณะโค้งสวยงาม ดวงตาแจ่มใสสีน้ำตาลอ่อน ขนตาสีชมพู บริเวณจมูกขาว กีบสีขาว ขนหางเป็นพวงสีขาวยาว ลำตัวช่วงขาหลังและกีบมีความสมบูรณ์แข็งแรง เวลายืนและเดินสง่า
เมื่อเวลา 09.30 น. นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่พระยาแรกนา ประจำปี 2567 โดยก่อนพิธีพระยาแรกนาเสี่ยงทายผ้านุ่ง โดยการตั้งสัตยาธิษฐานแล้วหยิบได้ผ้า 5 คืบ โหรหลวงทำนายว่า น้ำในปีนี้จะมีปริมาณพอดี ข้าวกล้าในนาจะได้ผลบริบูรณ์ และผลาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี ส่วนการเสี่ยงทายด้วยของกิน 7 สิ่ง พระโคกินน้ำ หญ้า และเหล้า ซึ่งผลเสี่ยงทายกล่าวว่า ถ้าพระโคกินน้ำหรือหญ้า พยากรณ์ว่า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี และพระโคกินเหล้า พยากรณ์ว่า การคมนาคมสะดวกขึ้น การค้าขายกับต่างประเทศดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจรุ่งเรือง
ทั้งนี้จุดมุ่งหมายของพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่พืชผลและบำรุงขวัญเกษตรกรให้มีใจมั่นในการเพาะปลูก และคณะรัฐมนตรีได้กำหนดให้นับเป็น "วันเกษตรกร" ประจำปีด้วย เพื่อให้เกษตรกรได้ระลึกถึงความสำคัญของอาชีพการเกษตรเป็นสิริมงคลแก่อาชีพของตนเอง รวมทั้งก่อให้เกิดประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศชาติ ต่อไป
ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
ภาพ: กิตติพรรณ จินดามัง / ข่าว : สุทัตตา บุญบาง กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมปศุสัตว์