อธิบดีกรมปศุสัตว์ร่วมติดตาม รมช.อิทธิ เข้าหารือ เอกอัครราชทูตจีน กระชับความสัมพันธ์ ด้านปศุสัตว์พร้อมผลักดันการส่งออกโคมีชีวิตจากไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน
วันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2567 นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ติดตามนายอิทธิ ศิริลัทยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าเยี่ยมคารวะ นายหาน จื้อเฉียง (H.E. Mr. Han Zhiqiang) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อขอหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นที่เกี่ยวกับการผลักดันการส่งออกโคมีชีวิตจากไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยกรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลท่านนายกรัฐมนตรี ฯพณฯ แพทองธาร ชินวัตร ที่ได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์เร่งดำเนินการผลักดันการส่งออกโคมีชีวิตไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อให้มีความอยู่ดี กินดี เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล โดยท่านเอกอัครราชทูตฯ ได้รับทราบถึงความสำคัญของนโยบายของรัฐบาลและเล็งเห็นถึงศักยภาพของกรมปศุสัตว์ อีกทั้งยังเป็นหน่วยงานที่มีประสบการณ์ในการจัดทำพื้นที่ปลอดโรคเพื่อการส่งออกโคมีชีวิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านมาก่อนแล้ว จึงมีความยินดีที่จะอำนวยความสะดวกให้การผลักดันการส่งออกโคมีชีวิตจากไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนให้สำเร็จ อันจะเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านปศุสัตว์ระหว่างไทยและจีนให้เข้มแข็งต่อไป
ทั้งนี้ จีนเป็นประเทศคู่ค้าสินค้าเกษตรอันดับ 1 ของไทย มีสัดส่วนการค้าสินค้าเกษตรกับไทยในระดับที่ดี โดยมีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรเฉลี่ยปี 2564 -2566 มูลค่า 582,875 ล้านบาท ซึ่งไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าสินค้ำเกษตรกับจีนมาโดยตลอด สินค้าเกษตรที่ไทยส่งออกไปจีนที่สำคัญ ได้แก่ 1) ทุเรียน 2) ผลิตภัณฑ์จากยางพารา 3) มันสำปะหลัง 4) มังคุดสด 5) ลำไยสด 6) ชิ้นส่วนไก่แช่เย็น-แข็ง เป็นต้น ภารกิจการขับเคลื่อนการผลักดันการส่งออกโคมีชีวิตและผลิตภัณฑ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์รับสนองนโยบายของรัฐบาลซึ่งจัดทำแผนยกระดับมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคระบาดและนโยบายในการเตรียมตัวส่งออกโค มีชีวิต ผ่านการรับรองคุณภาพ “ปลอดโรคปลอดภัย” เพื่อสร้างหลักประกันและความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าว่า สินค้า ปศุสัตว์ไทยปราศจากโรค พร้อมกันนี้เร่งเดินหน้าเปิดตลาดใหม่ๆ เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศในตลาดที่มีกำลังซื้อสูง เพื่อให้ผู้เลี้ยงโคสามารถเติบโตในอาชีพได้อย่างยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย