กรมปศุสัตว์ ประเดิมฉีดวัคซีนป้องกันโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า แห่งแรกของประเทศไทยที่สถานเสาวภา สภากาชาดไทย จังหวัดเพชรบุรี ให้ม้า 560 ตัว ที่ใช้ผลิตเซรุ่มป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและเซรุ่มแก้พิษงูเพื่อรักษาผู้ที่ถูกงูกัด
นายสัตวแพทย์สรวิศธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยถึงความคืบหน้า การควบคุม ป้องกันและควบคุมโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า ว่าเนื่องจากท่านดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ควบคุมและป้องกันโรคAHSในม้าให้สงบอย่างรวดเร็วที่สุดที่เป็นไปได้เพราะมีความห่วงใยต่อผู้เลี้ยงม้าและอาชีพที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ โดยเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2563 นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ได้สั่งการให้สำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ และปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรีร่วมกับสัตวแพทย์สถานเสาวภา ดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าแห่งแรกของประเทศไทยที่สถานีเพาะเลี้ยงม้าและสัตว์ทดลอง สถานเสาวภา สภากาชาดไทย อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 560 ตัว เนื่องจากเป็นสถานที่ทั้งก่อนและหลังการฉีดวัคซีน ตลอดจนการดูแลม้าภายหลังการฉีดวัคซีนเป็นไปตามมาตรการหลักเกณฑ์การใช้วัคซีนป้องกันโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าของกรมปศุสัตว์
แต่ที่สำคัญคือสถานีเพาะเลี้ยงม้าและสัตว์ทดลอง สถานเสาวภา สภากาชาดไทย เป็นสถานที่เพาะเลี้ยงม้าที่ใช้ในการผลิตเซรุ่มป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า 140,000 ขวด (ขวดละ 5 มล.)/ปี และเซรุ่มแก้พิษงูเพื่อรักษาผู้ที่ถูกงูกัด ทั่งสำหรับงูพิษเดี่ยว (Mono valent) และรวมพิษงูระบบโลหิต (Polyvalent) 100,000 ขวด(1 ขวดละลายได้ 10 มล.)/ปี
พร้อมทั้งจะดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ม้าในรัศมี 50 กิโลเมตรจากจุดเกิดโรค ใน 7 จังหวัดที่พบการระบาดของโรค จะเริ่มในวันที่ 20 เมษายน 2563 นี้ซึ่งได้จัดประชุมซักซ้อมทำความเข้าใจกับปศุสัตว์จังหวัด ปศุสัตว์เขต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก่อนการดำเนินการอีกด้วยเพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมและทำให้โรคสงบโดยเร็ว
เนื่องจากปัจจุบันหลายพื้นที่เกิดพายุฤดูร้อนอีกทั้งใกล้เข้าสู่ฤดูฝน ภาวะดังกล่าวเป็นสาเหตุทำให้แมลงที่เป็นพาหะของโรคเพิ่มสูงขึ้นเสี่ยงที่จะเกิดโรค ดังนั้นขอให้ผู้เลี้ยงม้าป้องกันแมลงดูดเลือดมากัดม้า อีกทั้งกำจัดแมลงและแหล่งเพาะพันธุ์แมลง หมั่นดูแลสุขภาพม้า หากพบมีอาการ ซึม ไม่กินอาหาร มีไข้ ตาแดง ขอบตาและขมับบวม ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัด ปศุสัตว์อำเภอ หรือสายด่วนปศุสัตว์ 063-225-6888 หรือ application DLD 4.0 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปช่วยเหลือและควบคุมโรคอย่างทันท่วงที อธิบดีกล่าว
-------------------
ที่มาของข้อมูล : ทีมโฆษก กรมปศุสัตว์ 19 เม.ย. 63 ข่าวปศุสัตว์