วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 9.30 น. นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ร่วมประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ครั้งที่ 3/2563 โดยมีนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน
วัตถุประสงค์ของการประชุม
เพื่อติดตามสถานการณ์ ผลการดำเนินงานและมาตรการในด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่ง ณ ปัจจุบัน 18 กุมภาพันธ์ 2563 สถานการณ์ในประเทศไทย พบผู้ป่วยยืนยันทั้งสิ้น 35 ราย มีอาการรุนแรง 2 ราย แต่ยังไม่พบผู้เสียชีวิต เชื่อว่าเชื้อนี้อาจเกิดจากค้างคาวติดต่อมายังตัวนิ่มและตัวนิ่มติดมายังคน โดยพบว่าเชื้อไวรัสนี้มีลักษณะทางพันธุกรรม ที่คล้ายคลึงกับเชื้อโคโรนาไวรัสที่พบในค้างคาวมากถึงร้อยละ 96 อย่างไรก็ตาม มีรายงานของนักวิจัยจากประเทศจีนเพิ่มเติมว่าเชื้อนี้อาจติดไปยังตัวนิ่ม (Pangolin) ก่อนที่จะติดต่อมายังคน โดยพบว่ายีนของเชื้อที่พบในตัวนิ่มและในผู้ป่วยมีความเหมือนกันถึง 99% อย่างไรก็ตามรายงานนี้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ
เป้าหมายการรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ของประเทศไทย มี 3 ข้อ ดังนี้
- ลดโอกาสการแพร่เชื้อเข้าสู่ประเทศไทย (มาตรการสำคัญ คือ เพิ่มสมรรถนะการคัดกรองและตรวจจับผู้ติดเชื้อ)
- ดูแลทุกคนในประเทศไทย และคนไทยในต่างประเทศให้ปลอดภัยจากโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (มาตรการสำคัญ คือ เพิ่มการเฝ้าระวังและลดการแพร่เชื้อในชุมชน และเพิ่มความพร้อมในการรักษาพยาบาล) และ
- ลดผลกระทบทางสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และเพิ่มความมั่นคงของประเทศ (มาตรการสำคัญ คือ สร้างความเชื่อมั่นของประชาชนและภาพลักษณ์ของประเทศ ส่งเสริมความมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการลดผลกระทบ และเตรียมความพร้อมในทุกระดับ เพื่อรับมือกับภัยจากโรคระบาด)
กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง ดังนี้
- การเฝ้าระวังโรคไข้สมองอักเสบนิปาห์ ในสุกรในพื้นที่เสี่ยงสูง ตั้งแต่ ปี 2541 โดยเก็บตัวอย่างสุกรจำนวนประมาณ 3,600 ตัวอย่าง/ปี เพื่อตรวจระดับภูมิภูมิคุ้มกัน โดยวิธี Modified ELISA ซึ่งที่ผ่านมา ยังไม่พบหลักฐานการติดเชื้อในสุกร
- การเฝ้าระวังโรคที่เคยมีการรายงานพบในค้างคาว ได้แก่ เมอร์ ซาร์ และอื่นๆ ในสุกร สุนัข แมว และโค ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ผลการตรวจไม่พบเชื้อโรคที่มาจากค้างคาว (พบไวรัสชนิดเดิมที่อยู่ในสัตว์นั้นอยู่แล้ว)
- การศึกษาทางระบาดวิทยาโรคที่มีค้างคาวเป็นพาหะ เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังและป้องกันโรค
- การพัฒนาแอปพลิเคชั่นบนมือถือ “อีสมาร์ทพลัส” เพื่อประเมินความเสี่ยงฟาร์มต่อโรคที่สำคัญในปศุสัตว์ รวมถึงโรคที่มีค้างคาวเป็นพาหะ เพื่อให้คำแนะนำในการปรับปรุงฟาร์ม
สำหรับแผนการดำเนินงานเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และโรคที่มีค้างคาวเป็นพาหะอื่นๆ
- เตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการในการตรวจวินิจฉัยโรค โดยเฉพาะเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019
- เฝ้าระวังโรคที่มีค้างคาวเป็นพาหะในปศุสัตว์ อย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
- ให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคที่มีค้างคาวเป็นพาหะ และให้คำแนะนำแก่เกษตรกรให้มีการปรับปรุงฟาร์ม กรณีที่พบว่ามีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคที่มีค้างคาวเป็นพาหะ จากการสำรวจด้วยแอปพลิเคชันอีสมาร์ทพลัส
- จัดทำแผนการเตรียมความพร้อมรับมือการเกิดโรคในปศุสัตว์
ทั้งนี้ เพื่อร่วมมือกันในการดำเนินการเตรียมรับมือ และแก้ไขสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทุกด้าน ลดผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคม และความมั่นคงของประเทศต่อไป
ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล
ที่มาของข้อมูล : คณะทำงานโฆษกกรมปศุสัตว์