2566 02 06b 001

กรมปศุสัตว์ ยื่นขอคืนสถานภาพปลอดกาฬโรคแอฟริกาในม้า (AHS) อย่างเป็นทางการ เชื่อมั่นปลอดโรคได้ภายในปี พ.ศ. 2566 พร้อมรับการตรวจประเมินจากองค์การสุขภาพสัตว์โลก (WOAH) 

นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์การเกิดกาฬโรคแอฟริกาในม้า (African Horse Sickness) ในปี 2563 ประเทศไทยพบการระบาดครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2563 โดยตรวจพบในพื้นที่ 17 จังหวัด มีจำนวนสัตว์ป่วยสะสม 610 ตัว และตายสะสม 568 ตัว กรมปศุสัตว์ได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายดำเนินการเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันโรคอย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้พบโรคครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 
10 กันยายน 2563 สถานการณ์ปัจจุบัน ประเทศไทยไม่มีรายงานพบกาฬโรคแอฟริกาในม้ามากกว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งขณะนี้ เป็นการดำเนินงานในระยะที่ 3 เป็นระยะขอคืนสถานภาพปลอดโรคตามแผนปฏิบัติการกำจัดกาฬโรคแอฟริกาในม้า เพื่อคืนสถานภาพปลอดโรค จากองค์การสุขภาพสัตว์โลกของประเทศไทย โดยตั้งเป้าหมายที่จะดำเนินการให้ได้สถานภาพปลอดโรคภายในปี พ.ศ. 2566 จากสถานการณ์ของโรคที่ดีขึ้นมาก กรมปศุสัตว์ กรมการสัตว์ทหารบก องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย และทุกหน่วยงานภาคีภายใต้บันทึกความร่วมมือ (MOU) การกำจัดกาฬโรคแอฟริกาในม้าของประเทศไทย ได้จัดทำข้อมูลสำหรับขอรับรองการปลอดโรคจากองค์การสุขภาพสัตว์โลก
เรียบร้อยแล้ว และได้ยื่นเรื่องขอคืนสถานภาพปลอดโรค AHS อย่างเป็นทางการต่อองค์การสุขภาพสัตว์โลก (WOAH) เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 ซึ่งทางคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ทางด้านโรคสัตว์ (Scientific committee) ของ WOAH จะดำเนินการตรวจสอบเอกสารให้เสร็จสิ้นภายในกลางปี พ.ศ. 2566 หากผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการฯ ดังกล่าว ประเทศไทยจะได้รับสถานะปลอดกาฬโรคแอฟริกาในม้าอย่างเป็นทางการจาก WOAH ในปี พ.ศ. 2566 ซึ่งองค์การสุขภาพสัตว์โลกจะเวียนแจ้งประเทศที่เป็นสมาชิกของ WOAH ทั่วโลกต่อไป 
 
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อประเทศไทยปลอดโรค AHS แล้ว จะส่งผลให้ประเทศไทยสามารถจัดการแข่งขันกีฬาขี่ม้าระดับนานาชาติรายการต่างๆ ได้ กระตุ้นการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องทั้งระบบ และทำให้เศรษฐกิจของประเทศโดยรวมดีขึ้นต่อไป รวมทั้งกิจการการนำเข้า ส่งออกสัตว์กลุ่ม Equids จะสามารถดำเนินการได้ตามปกติภายใต้ข้อกำหนดของกรมปศุสัตว์ อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงระบบการควบคุมโรค และเฝ้าระวังโรคที่มีประสิทธิภาพของประเทศไทย
2566_02_06b_001.jpg 2566_02_06b_002.jpg 2566_02_06b_003.jpg

2566_02_06b_004.jpg 2566_02_06b_005.jpg 2566_02_06b_006.jpg

2566_02_06b_007.jpg 2566_02_06b_008.jpg 2566_02_06b_009.jpg

2566_02_06b_010.jpg 2566_02_06b_011.jpg 2566_02_06b_012.jpg

2566_02_06b_013.jpg 2566_02_06b_014.jpg 2566_02_06b_015.jpg

2566_02_06b_016.jpg 2566_02_06b_017.jpg 2566_02_06b_018.jpg

2566_02_06b_019.jpg 2566_02_06b_020.jpg 2566_02_06b_021.jpg

2566_02_06b_022.jpg 2566_02_06b_023.jpg 2566_02_06b_024.jpg

2566_02_06b_025.jpg 2566_02_06b_026.jpg