pic01

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการรายงานพบโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า (African Horse Sickness: AHS) ซึ่งถือเป็นโรคอุบัติใหม่ครั้งแรกในประเทศไทยมีการรายงานพบการเกิดโรคไปองค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) เมื่อ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563 ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อผู้เลี้ยงม้าอย่างมาก ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เช่น ไม่สามารถจัดการแข่งขันม้าทั้งภายในประเทศและระดับนานาชาติ ไม่สามารถเคลื่อนย้ายม้าข้ามจังหวัดหรือออกนอกประเทศ ไม่สามารถนำม้าให้บริการนักท่องเที่ยวหรือทำสันทนาการได้ ทำให้ผู้เลี้ยงม้าขาดรายได้ เพื่อเป็นการลดผลกระทบให้น้อยที่สุดและควบคุมโรคในวงจำกัด จึงได้ให้ความสำคัญใส่ใจมาตั้งแต่ต้นและมีนโยบายสั่งการเร่งด่วนให้กรมปศุสัตว์ดำเนินการควบคุมโรคทันที นั้น

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า กรมปศุสัตว์รับสนองนโยบาย ได้เร่งดำเนินการพร้อมด้วยภาคีเครือข่าย หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสียหายให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด โดยขอให้ทุกหน่วยงานร่วมกันดำเนินการตามมาตรการป้องกัน ควบคุม และกำจัดโรค เพื่อควบคุมโรคให้อยู่ในพื้นที่ที่จำกัดลดการแพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้กำหนดแผนปฏิบัติการการกำจัดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าเพื่อขอคืนสถานภาพปลอดโรคจากองค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) โดยแนวทางดำเนินการประกอบด้วย 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ระยะเผชิญเหตุ ระยะที่ 2 ระยะเฝ้าระวังและป้องกันการอุบัติซ้ำของโรค และระยะที่ 3 ขอคืนสถานภาพรับรองการปลอดโรค AHS ในประเทศไทยจาก OIE โดยตามข้อกำหนดของ OIE (OIE Terrestrial Animal Health Standards Commission, 2018) ระบุเงื่อนไขในการขอคืนสถานภาพปลอดโรคจะต้องไม่พบม้าป่วยใหม่เพิ่มเติมในประเทศไทยเป็นระยะเวลา 2 ปี และต้องมีการหยุดการใช้วัคซีนภายในประเทศก่อนเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี จึงจะสามารถดำเนินการขอคืนสถานะปลอดโรคนี้จาก OIE ได้ โดย OIE ได้กำหนดการขอคืนสถานะปลอดโรค AHS ในรูปแบบของ free country หรือ free zone ไว้ด้วย

จากการดำเนินงานอย่างเข้มงวดและความร่วมมือจากทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ ณ ปัจจุบัน ประเทศไทยไม่พบการระบาดของโรค AHS แล้วตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 เพื่อเป็นการเฝ้าระวังและขอคืนสถานภาพปลอดโรค AHS จาก OIE ได้โดยเร็ว กรมปศุสัตว์จึงเร่งขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ได้แก่ การเฝ้าระวังโรค การควบคุมเคลื่อนย้าย การควบคุมแมลงและพาหะ และการเฝ้าระวังโรคในกลุ่มเป้าหมายเฉพาะหรือพื้นที่เฉพาะ (Sentinel surveillance) ซึ่งจากข้อมูลที่กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นจนพบม้าป่วยตัวสุดท้าย สามารถขอคืนสถานภาพปลอดโรคจาก OIE ได้ภายในปี 2566 นี้ นอกจากนี้เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสอดคล้องกับข้อกำหนดสุขภาพสัตว์บกของ OIE กรมปศุสัตว์จึงได้หารือ Dr. Susanne Muen-sterman ที่ปรึกษา OIE มาตั้งแต่ต้น โดย Dr. Susanne มีกำหนดเดินทางมาประเทศไทย ระหว่างวันที่ 21-27 พฤศจิกายน 2564 เพื่อเป็นที่ปรึกษาและตรวจประเมินการดำเนินงานควบคุมและกำจัดโรค AHS ของประเทศไทยให้มีความสอดคล้องกับข้อกำหนดสุขภาพสัตว์บกของ OIE ก่อนที่ประเทศไทยจะยื่นขอรับรองคืนสถานภาพปลอดโรค โดยมีกำหนดการเข้าเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการ ด่านกักกันสัตว์ สถานที่กักสัตว์ และสถานที่ที่มีสัตว์ sentinel เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและหารือในประเด็นต่างๆ กับเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งล่าสุดวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 นี้ กรมปศุสัตว์ได้จัดประชุมหารือร่วมภาคีเครือข่าย Mr. Harald Link นายกสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี Dr. Susanne ร่วมประชุมหารือด้วย โดย Dr. Susanne ได้ให้ข้อเสนอแนะในการจัดทำเอกสาร รวมทั้งการปรับแนวทางและกิจกรรมการเฝ้าระวังโรคให้ครอบคลุมและครบถ้วนยิ่งขึ้น เช่น ปรับแผน Sentinel surveillance เพิ่มการเฝ้าระวังทางห้องปฏิบัติการในสัตว์กลุ่มม้าลายในพื้นที่เสี่ยง และเพิ่มการประชาสัมพันธ์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจให้มากขึ้น

รมว.กษ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้มั่นใจประเทศไทยได้ดำเนินการสอดคล้องตามข้อกำหนดและข้อเสนอแนะของ OIE สามารถขอคืนสภาพปลอดโรค AHS ภายในปี พ.ศ. 2566 นี้ได้แน่นอน ซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้ของ Dr. Susanne จะเป็นประโยชน์กับกรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างมาก หากคืนสถานภาพปลอดโรคได้จะทำให้ประเทศไทยลดผลกระทบและความสูญเสียจากโรคดังกล่าว อุตสาหกรรมม้าของประเทศกลับสู่ปกติ และสามารถจัดการแข่งขันกีฬาขี่ม้าในระดับนานาชาติ ซึ่งสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับประเทศไทยได้ต่อไปในอนาคต 

ข้อมูล : คณะทำงานโฆษกกรมปศุสัตว์ ข่าวปศุสัตว์


Save
Cookies user preferences
We use cookies to ensure you to get the best experience on our website. If you decline the use of cookies, this website may not function as expected.
Accept all
Decline all
Essential
คุกกี้ประเภทนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานของเว็บไซต์ ท่านจำเป็นต้องยอมรับให้เปิดใช้งาน
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานของเว็บไซต์ ได้แก่ คุกกี้ที่ทำให้เว็บไซต์สามารถทำหน้าที่ขั้นพื้นฐาน เช่น การเลื่อนสำรวจหน้าเว็บไซต์ หรือ ทำให้ผู้เข้าชม/ผู้ใช้เว็บไซต์สามารถเข้าสู่ระบบและสามารถเข้าถึงส่วนของเว็บไซต์ที่ถูกสงวนไว้ให้ใช้ได้เฉพาะสมาชิกเท่านั้น เว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานอย่างถูกต้องได้เลยหากไม่มีการเก็บรวบรวมคุกกี้เหล่านี้
Accept
Functional
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยยอมรับหรือปฏิเสธ คุกกี้ในแต่ละประเภทดังต่อไปนี้
คุกกี้ที่ช่วยเหลือในการทำงาน
คุกกี้ประเภทนี้ อาจถูกติดตั้งไว้โดยผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลที่สาม โดยเป็นคุกกี้ประเภทที่ทำให้เว็บไซต์สามารถช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกในการใช้งานให้ท่านได้
Accept
Decline
คุกกี้เพื่อประสิทธิภาพ
คุกกี้ประเภทนี้ ทำให้ผู้ให้บริการเว็บไซต์ที่คุณเข้าใช้งาน สามารถรับรู้ข้อมูลประสิทธิภาพเว็บไซต์ได้ เช่น จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ จำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ แหล่งที่มาของผู้เข้าชม และหน้าเว็บไซต์ใดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดหรือน้อยที่สุด เป็นต้น โดยกรมปศุสัตว์จะนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านสถิติเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ เท่านั้น
Accept
Decline
คุกกี้เพื่อกำหนดเป้าหมาย
คุกกี้ประเภทนี้ อาจถูกติดตั้งไว้โดยผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลที่สาม เนื่องจากเว็บไซต์กรมปศุสัตว์มีการเชื่อมโยงลิงค์ไปยังเว็บไซต์ภายนอก ซึ่งเว็บไซต์อื่นหรือโซเชียลมีเดียของบุคคลที่สามจะมีการกำหนดและตั้งค่าคุกกี้ขึ้นมาเอง โดยกรมปศุสัตว์ไม่สามารถควบคุมหรือรับผิดชอบต่อคุกกี้เหล่านั้นได้ และขอแนะนำให้ท่านควรอ่านนโยบายหรือประกาศการใช้คุกกี้ของบุคคลภายนอกเหล่านั้นด้วย โดยคุกกี้ดังกล่าว จะทำการจัดเก็บข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์ของท่าน เช่น ท่านเข้าชมเว็บไซต์ใดบ้าง และเข้าชมเว็บไซต์ผ่านทางลิงก์ใดบ้าง เป็นต้น โดยผู้ให้บริการจะใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อกำหนดให้เว็บไซต์ และโฆษณาที่ถูกจัดแสดงในเว็บไซต์ของบริษัทฯ เว็บไซต์ในเครือข่ายพันธมิตรของผู้ให้บริการโฆษณา มีความเกี่ยวข้องกับความสนใจของท่านมากขึ้น
Accept
Decline