วันที่ 10 มิถุนายน 2565 เวลา 9.00 น. นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ลงพื้นสร้างขวัญกำลังใจพร้อมตรวจติดตามงานตามนโยบายกรมปศุสัตว์พร้อมด้วยท่านปศุสัตว์เขต2,ผอ.กองคลัง,เลขานุการกรมปศุสัตว์,ผู้แทนกกจ,เข้าร่วมประชุม ณ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดระยอง
การขับเคลื่อนงานตามนโยบายของกรมปศุสัตว์ในปีงบประมาณพ.ศ.2566เพื่อสร้างความเข้มแข็งของภาคเกษตรกรไทยกรมปศุสัตว์มีแนวทางการขับเคลื่อนงานที่สามารถนำไปต่อยอดได้ อาทิ ด้านการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสัตว์ให้แก่เกษตรกร ด้านการป้องกันและควบคุมโรค ด้านการสร้างมาตรฐานการผลิตปศุสัตว์เพื่อความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภคและสร้างมาตรฐานการส่งออกให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
ด้านอธิบดีกรมปศุสัตว์เน้นย้ำการขับเคลื่อนงานของกรมปศุสัตว์ 4 ด้านหลัก ดังนี้
1. ด้านผลิตและส่งเสริม เน้นการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และการผลิตสินค้าปศุสัตว์ตามศักยภาพในพื้นที่ การผลิตพันธุ์สัตว์ การผลิตอาหารสัตว์ และการช่วยเหลือภัยพิบัติให้เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือให้ทันถ่วงที
2. ด้านสุขภาพและสวัสดิภาพสัตว์ เช่น การควบคุมและป้องกันโรค เข้มงวดในการกักสัตว์และเคลื่อนย้าย เช่น โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) โรคไข้หวัดนก (AI)การควบคุมโรคสัตว์เคี้ยวเอื้องอาทิเช่นโรคลัมปีสกิน โรคปากและเท้าเปื่อย/โรคเฮโมรายิกเซฟติซี้มีย เป็นต้นโดยทุกโรคเน้นเชิงรุก สอบสวนโรค คุมสถานการณ์และการระบาดให้รวดเร็ว ตามหลัก "รู้เร็ว สงบเร็ว" และการสร้างเครือข่ายปฏิบัติงานในพื้นที่
3. ด้านคุณภาพมาตรฐานสินค้า (food safety) ให้รักษาคุณภาพมาตรฐานมากกว่าปริมาณ ตรวจสอบเพื่อรักษามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง
4. ด้านการบริหาร การใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า การบริหารบุคลากร การบรรจุแต่งตั้งอย่างเป็นธรรม การปรับปรุงอาคาร สิ่งปลูกสร้าง และยานพาหนะ
อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านการปฏิบัติงาน เน้นเชิงรุก ยึดสุจริตและโปร่งใสเป็นธรรม ตามหลักธรรมาภิบาล ด้านงบประมาณ ให้ใช้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และด้านบุคลากร ให้พัฒนาองค์ความรู้เพิ่มศักยภาพของตนเองเพื่อใช้ประโยชน์ทั้งต่อองค์กรและประเทศชาติต่อไป และที่สำคัญที่สุดขอให้ทุกคนรู้รักสามัคคี พร้อมอธิบดีกรมปศุสัตว์ ร่วมรับฟังปัญหา/อุปสรรค ของการดำเนินงานในพื้นที่ เพื่อนำปัญหาดังกล่าวไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงชี้แนะหลักการในการดำเนินงานของกรมปศุสัตว์ ให้สามารถขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยเหลือเกษตรกรและสำเร็จตามเป้าหมายการดำเนินงานต่อไป
อธิบดีกรมปศุสัตว์และคณะยังได้ลงพื้นที่ดูงานที่ทัณฑสถานเปิดห้วยโป่ง จังหวัดระยอง ซึ่งเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยม ยังเปิดให้บริการ”อาชาบำบัด” ฝึกทักษะให้เด็กพิเศษมีพัฒนาการที่ดีขึ้น โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ขณะที่ผู้ต้องขังซึ่งกลายมาเป็นครูฝึก ก็ภาคภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือสังคมจังหวัดระยอง ไม่เพียงแต่จะมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ชายหาดและขุนเขา แต่ยังมีจุดเช็คอินที่แสนจะสวยงาม ให้ได้พักผ่อนอยู่ใจกลางเมืองระยอง ภายในรั้วของทัณฑสถานเปิดห้วยโป่ง ซึ่งเป็นเรือนจำระบบเปิด ได้ถูกสรรสร้างให้ทุกมุมเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยว และเป็นศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามนโยบายของกรมราชทัณฑ์ ที่กำหนดให้เรือนจำที่มีความพร้อม เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้ พร้อมกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่ง หนึ่งในนั้น คือโครงการ อาชาบำบัด
ด้านปศุสัตว์จังหวัดระยองได้ให้การสนับสนุนงานด้านปศุสัตว์ในทัณฑสถานเปิดห้วยโป่งด้านดูแลสัตว์ภายในทัณฑสถาน ให้มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง โดยให้ความรู้ในเรื่องการจัดการโรงเรือน หรือคอกสัตว์ที่ดี มีหลังคาป้องกันฝน ลม ละอองฝนได้เป็นอย่างดี มีการจัดเตรียมน้ำสะอาด อาหารสัตว์ วิตามินและเวชภัณฑ์สัตว์ให้พร้อม เพื่อเสริมสร้างสุขภาพสัตว์ให้แข็งแรง และที่สำคัญปศุสัตว์จังหวัดระยองให้คำแนะนำเรื่องการพ่นยาฆ่าเชื้อทุกครั้งก่อนเข้าและออกจากบริเวณฟาร์มเพื่อป้องกันการเกิดโรคระบาด นอกจากนี้อธิบดีกรมปศุสัตว์ได้มอบปัจจัยการผลิตอาทิเช่น หญ้าอาหารสัตว์ วิตามิน แร่ธาตุ และยาถ่ายพยาธิเพื่อเสริมสร้างความสมบูรณ์ของสัตว์.อีกด้วย