รมว.เกษตรฯ ลงพื้นที่ จ.กำแพงเพชร ดีเดย์ 1 ต.ค. คิกออฟขับเคลื่อนแปลงใหญ่ มุ่งสู่แนวทางการลดต้นทุนการผลิต พร้อมชี้แจงทำความเข้าใจเกษตรกรถึงสถานการณ์น้ำในลุ่มเจ้าพระยา เตรียมชงงบบรรเทาภัยแล้งเข้าครม.อังคารหน้า
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในโอกาสลงพื้นที่การส่งเสริมการเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่และศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลัง ในพื้นที่ อ.ขานุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร พร้อมพบปะเกษตรกรกลุ่มผู้ใช้น้ำ เพื่อรับทราบสถานการณ์น้ำ และภัยแล้ง ในพื้นที่ อ.บึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร พร้อมด้วยนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมการเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่ 77 จังหวัด และมีพื้นที่นำร่อง 270 จุด 31 ชนิดสินค้า โดยมีเป้าหมายให้เกษตรกรรายย่อยมีความเข้มแข็ง และสามารถบริหารจัดการการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด สามารถทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ผลผลิตมีคุณภาพเพิ่มขึ้น เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งการจัดการในรูปแบบแปลงใหญ่ เป็นหนึ่งในมาตรการลดต้นทุนการผลิตทางการเกษตรที่กระทรวงเกษตรฯ กำหนดให้ปี 2559 เป็นปีแห่งการลดต้นทุนการผลิต เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการผลผลิตให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งการลงพื้นที่คิกออฟเปิดตัวโครงการแปลงใหญ่อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2558 เนื่องจากจังหวัดกำแพงเพชรมีปริมาณการผลิตมันสำปะหลังมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากนครราชสีมา และถือเป็นพืชเศรษฐกิจตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดกำแพงเพชร ที่ต้องส่งเสริมและพัฒนาให้มีผลผลิตและคุณภาพสูงขึ้น
สำหรับการดำเนินโครงการส่งเสริมการเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่ (มันสำปะหลัง) ณ อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร มีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 680 ราย พื้นที่ดำเนินการ 17,000 ไร่ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มผลผลิตจาก 3.7 ตัน เป็น 5 ตัน /ไร่ ในเขตน้ำฝนพื้นที่ 1.6 หมื่นไร่ และเพิ่มผลผลิตจาก 4 ตัน เป็น 8 ตัน/ไร่ ด้วยระบบน้ำหยด พื้นที่ 1,000 ไร่ ช่วยลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรลงร้อยละ 15 โดยในการดำเนินการนั้นมีกิจกรรมสำคัญในเรื่องระบบน้ำหยดเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังแบบเคลื่อนที่ เครื่องสับมันเส้นที่สามารถแปรรูปจากหัวมันสดเป็นมันเส้นสะอาด และเพิ่มมูลค่าของผลผลิตได้ การรับซื้อผลผลิตทั้งหัวมันสดและแปรรูป โดยสหกรณ์การเกษตรปฏิรูปที่ดิน บ่อถ้ำ จำกัด และสหกรณ์การเกษตรขาณุวรลักษบุรี จำกัด และมีกระบวนการถ่ายทอดการเรียนรู้ของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ของนายชัยรัตน์ ภู่พันธ์ เกษตรกร ใน อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร โดยการปลูกมันสำปะหลังโดยใช้ระบบน้ำหยด เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรอีกด้วย
พลเอกฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนการลงพื้นที่ อ.บึงสามัคคีนั้น นอกจากรับฟังสภาพปัญหาจากกลุ่มผู้ใช้น้ำเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกันแล้ว ยังถือโอกาสชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรถึงปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักของลุ่มเจ้าพระยา เพราะน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งจากปริมาณน้ำในอ่างปัจจุบันคาดว่า ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน จะมีน้ำใช้การได้เพื่อจัดสรรน้ำในลุ่มเจ้าพระยาประมาณ 3,600 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่ต้องใช้บริหารจัดการเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เพื่อการอุปโภค-บริโภค ไปจนถึงประมาณเดือนเมษายนปีหน้าให้เพียงพอให้ได้ รวมถึงได้ชี้แจงมาตรการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลซึ่งประกอบด้วย 8 มาตรการหลัก 52 กิจกรรม อาทิ มาตรการชะลอหรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ที่เกษตรกรมีภาระหนี้กับสถาบันการเงิน การจ้างงานภายใต้โครงการของกรมชลประทาน เป็นต้น เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาได้ทั้งหมดในวันอังคารหน้า
ข้อมูลข่าว: http://www.moac.go.th